เวลา.. ทุกคนมีเท่าๆ กัน แต่.. คุณค่า ของเวลาในแต่ละคน กลับไม่เท่ากัน..

15 มีนาคม 2552

18 สาเหตุที่ทำให้อ่อนเพลีย และหมดแรง

ผมเป็นคนหนึ่งที่มักจะอ่อนเพลีย หรือ ไม่มีแรงอยู่บ่อยๆ ซึ่งมันไม่ดีเท่าไหร่นัก เพราะทำให้ งาน หรือกิจกรรมต่างๆที่เราทำนั้น ไม่ค่อยมี ประสิทธิภาพ
เเละผมบังเอิญไปเจอ บทความนึงที่เกี่ยวกับปัญหา ที่ทำให้อ่อนเพลียเเละหมดเเรง ซึ่งเป็นผลงานวิจัยของต่างประเทศ เลยอยากนำมา นำเสนอในบล็อคครับ

1.ใช้โทรศัพท์มากเกินไป ผลงานวิจัย เขารายงานว่า ท่านจะเสียน้ำในร่างกายไปทางปากขณะพูดติดต่อกันเป็นเวลานาน ซึ่งเป็นอาการที่เรียกว่า "phone-fatigue" ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่สำหรับพนักงานตามศูนย์บริการลูกค้า ( Call Center ) ซึ่งจากผลงานวิจัยและตรวจร่างกาย พบว่า อาการขาดน้ำ ทำให้เลือดแข็งตัวและลดปริมาณออกซิเจนในระบบที่เป็นตัวให้พลังงาน ทำให้เลือดข้นมากกว่าปกติ การไหลเวียนของเลือดในร่างกายจะเชื่องช้า

วิธีแก้ไข หากท่านต้องใช้โทรศัพท์นาน หรือ มีอาชีพต้องใช้เสียงมากๆเช่น ครูอาจารย์ วิทยากร นักร้อง นักเทศน์ ท่านควรดื่มน้ำมากๆ ในระหว่างที่ต้องพูดคุยนาน หรือ ใช้เสียงของท่าน น้ำนั้นควรเป็นน้ำอุ่น ไม่ควรเป็นน้ำเย็น แม้น้ำส้มใส่น้ำแข็ง แม้น้ำมะนาวเย็น ก็มีอันตรายต่อกล่องเสียง ควรเป็นน้ำส้มไม่ใส่น้ำแข็งหรือ น้ำมะนาวอุ่น จะมีประโยชน์ต่อกล่องเสียง เส้นเสียง และลำคอของท่าน



2. ความดันเลือดต่ำความดันเลือดต่ำ คือสาเหตุใหญ่ที่ทำให้ท่านหมดแรง แพทย์ยังไม่รู้ว่าทำไม แต่เป็นไปได้ว่ามันทำให้เลือดส่งไปยังสมองไม่เต็มที่ ซึ่งอาจทำให้อ่อนเพลียได้อาการที่พบได้บ่อยที่สุดในคนที่มีความดันเลือดต่ำคือ รู้สึกหน้ามืดเวลาลุกขึ้นปุบปับหรือเวลายืนนานๆ

วิธีแก้ไข ถ้าท่านมีอาการเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์



3.เล่นเกมส์หรือดูทีวีหรือเล่นอินเตอร์เน็ตดึกเกินไปฮอร์โมนเมลาโทนิน จะเป็นตัวกระตุ้นให้เรานอนหลับ แต่แสงจากจอคอมพิวเตอร์ จากจอทีวีจะทำให้เราหลับยาก โดยเฉพาะเมื่อคุณกำลังดูสิ่งที่ตื่นเต้นหรือ น่าสนใจอยู่ ซึ่งทำให้คุณมักนอนดึกและมีเวลานอนหลับน้อยลง

วิธีแก้ไข ท่านจะต้องหาอย่างอื่นมาทำแทนก่อนถึงเวลานอน ทำอย่างอื่นที่ผ่อนคลายกว่า เช่น อ่านหนังสือสารคดี หนังสือธรรมะ ในระยะแรกอาจไม่คุ้นเคยแต่ทำไปสักระยะ จะเกิดความเคยชิน เป็นการสร้างเสริมนิสัยที่ดี


4. ขาดสารอาหารบางชนิดมักจะเกิดจากการขาดธาตุเหล็ก คือ หนึ่งในสาเหตุของความอ่อนเพลียที่พบมากในผู้หญิง

วิธีแก้ไข ไม่ว่าผักผลไม้ หรือ อาหารอะไรที่ช่วยเพิ่มระดับสารอาหารให้ท่านจะต้องชวนขวายหามารับประทาน ซึ่งก็จะเพิ่มพลังใจและกายให้ท่านมีความกระปี้กระเปร่ากระฉับกระเฉงมากขึ้น


5. ไม่ออกกำลังกายนักวิจัยพบว่าคนที่ออกกำลังกายอย่างน้อยครั้งละ 20นาที แม้จะแค่ สัปดาห์ละครั้ง ก็จะรู้สึกอ่อนเพลียน้อยกว่าคนที่ไม่ออกกำลังกายประมาณ 30% แต่ถ้าออกกำลังอย่างน้อย 20นาทีต่อครั้ง สัปดาห์ละไม่น้อยกว่า 3 ครั้ง ในระยะยาวอาการอ่อนเพลียจะหายไปเลย นอกจากนี้ ให้กินผักและผลไม้เพิ่ม คนที่กินผักผลไม้อย่างน้อย 4 – 5 จานต่อวันจะไม่ค่อยมีอาการอ่อนเพลีย

วิธีแก้ไข ต้องออกกำลังกายอย่างน้อยครั้งละ 20 นาที หรือ ออกกำลังกายด้วยการเดินเร็วๆก็ได้ แต่ไม่ควรน้อยกว่าครั้งละ 20 นาทีและ กินผักผลไม้ให้มากขึ้น


6. อิทธิพลของเดือนเกิดมีนักสังเกตุ และ จดบันทึกว่า ความอ่อนเพลียและหมดแรง ของคนที่เกิดในเดือนต่างๆว่า มีนัยสำคัญที่ค่อนข้างแปลกว่าถ้าท่านเกิดเดือนธันวาคมหรือมกราคมท่านมักจะอ่อนเพลียในช่วงเย็นมากกว่าคนที่เกิดเดือนอื่น

วิธีแก้ไข กาแฟยามบ่ายจะเพิ่มพลังให้ได้ถ้าท่านเกิดเดือนมิถุนายนหรือกรกฎาคมท่านจะขี้เซาในยามเช้านักวิทยาศาสตร์บอกว่า การสัมผัสของแสงแดดยามเช้าประมาณ15นาทีจะทำให้ตาสว่าง



7. กรามแข็งคุณสามารถใส่นิ้ว 3 นิ้วเรียงเป็นแนวตั้งเข้าปากพร้อมกันได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้แสดงว่าคุณคงมีปัญหาที่เรียกว่าโรคกรามแข็ง TMJ (temporomandi bular joint) แพทย์บอกว่า มันคือความไม่สมดุลระหว่างกล้ามเนื้อใกล้กราม และตำแหน่งของฟัน อาการทั่วไปคืออ่อนเพลีย และปวดหัว ปวดคอ หรือปวดไหล่

วิธีแก้ไข ควรปรึกษาทันตแพทย์



8. มีราที่ม่านอาบน้ำ ที่คว่ำจานชาม ที่หน้าต่าง จากการวิจัยพบว่า 88% ของบ้านทั่วไป จะมีราขึ้นตามหน้าต่าง ขึ้นตามที่ล้างจานชาม และที่ม่านอาบน้ำ การแพ้เชื้อราเหล่านี้เอง คือ สาเหตุหนึ่งของความอ่อนเพลียหมดแรง

วิธีแก้ไข ให้ใช้ผงซักฟอกทำความสะอาดบริเวณหน้าต่าง และตรวจดูผ้าม่านในห้องอาบน้ำ ตรวจดูที่คว่ำจานชามแก้วของท่าน รีบทำความสะอาด แล้วนำไปตากแดด



9.ไม่ได้เอาผ้าห่มและหมอนไปผึ่งแดดระดับความชื้นในผ้าห่มและหมอน จะทำให้ไรฝุ่นเจริญเติบโตได้ดี ไรฝุ่นมันจะไปกระตุ้นให้เกิดการอักเสบตามหลอดลมในปอด ทำให้หายใจติดขัดและนอนหลับไม่สนิท ทำให้เกิดเป็นหวัดได้ง่าย ซึ่งจะเป็นสาเหตุของความอ่อนเพลียหมดแรงในวันต่อมาได้

วิธีแก้ไข จะต้องนำผ้าห่ม และ หมอนไปผึ่งแดดเป็นประจำ เมื่อความชื้นในผ้าห่มและ หมอนหมดไป ก็จะไม่เป็นที่อยู่อาศัยของไรฝุ่นต่อไป การนอนของท่านก็จะหลับได้ดี ระบบการหายใจก็จะโล่ง อาการอ่อนเพลียหมดแรงก็จะหายไปได้



10. เชื่องช้างุ่มงามผู้ที่ทำอะไรเชื่องช้า หรือ งุ่มง่าม จะปรากฏว่าร่างกายกลับใช้พลังงานมากขึ้นเพราะปริมาณกลูโคสเข้าสู่สมองน้อยลง อันเป็นต้นเหตุให้ร่างกายอ่อนเพลียได้

วิธีแก้ไข การผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ตึงเครียด ทำได้โดยเหวี่ยงแขนไปหน้าและหลังสลับทีละแขน จะช่วยให้อาการอ่อนเพลียหายไปได้



11.อยู่ใกล้คนมองโลกในแง่ร้ายคนที่มองทุกอย่างในแง่ร้าย จะดูดพลังของคนอื่นหดหายเข้าไปในตัวของเขา

วิธีแก้ไข พยายามอย่าไปสมาคมคบค้า หรือ อยู่ใกล้ชิดกับคนที่มองโลกในแง่ร้าย ยกเว้นว่า คุณเต็มใจที่จะถ่ายพลังงานในตัวคุณให้เขาดูดซับไป ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ช่วยอะไรท่านไม่ได้ เพราะท่านทำตัวของท่านให้อ่อนเพลียหมดแรงเอง



12. อยู่ใกล้เครื่องใช้ไฟฟ้ามากเกินไปอุปกรณ์ไฟฟ้า และ อุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์ต่างๆ เช่น ปลั๊กไฟ หลอดไฟ วิทยุโทรทัศน์ เครื่องปรับอากาศ เครี่องโทรศัพท์บ้าน เครี่องโทรศัพท์มือถือ ล้วนแต่เป็นตัวดูดพลังงานในร่างกายของเรา ที่ทำให้เราอ่อนเพลียหมดแรงและซึมเศร้าได้

วิธีแก้ไข ให้หาที่นอน หรือ ย้ายเตียงนอนให้ห่างจากอุปกรณ์ไฟฟ้า และอุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์ต่างๆให้มากที่สุดเท่าที่จะกระทำได้ ห้ามวางโทรศัพท์มือถือไว้ใต้หมอน หรือ ใส่ในกระเป๋าเสื้อ หากท่านไม่ต้องการให้ตัวเองอ่อนเพลียหมดแรงและซึมเศร้า


13.ลืมดื่มกาแฟตอนเช้าหรือตอนสายหลายๆ ท่านที่ไม่ได้ดื่มกาแฟยามเช้า หรือยามสาย พลังกายและใจอาจตกวูบในวันนั้นๆ เพราะร่างกายติดคาเฟอินแล้ว จากงานวิจัยพบว่าผู้ร่วมวิจัยถึง 50% มีอาการอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัด ถ้าไม่ได้ดื่มกาแฟยามเช้า หรือยามสายและมีถึง13%ที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลยตลอดวัน

วิธีแก้ไข ให้ฝึกหัดดื่มกาแฟที่ไม่ต้องใส่น้ำตาล และ ครีมเทียม เพราะน้ำตาล และ ครีมเทียม มีอันตรายต่อสุขภาพมาก น้ำตาลเป็นอาหารของมะเร็ง และครีมเทียม เป็นไขมันตัวเลวที่จะไปทำให้เกิดเส้นเลือดอุดตันในหัวใจ และ สมอง


14.บ้านรกผู้เชี่ยวชาญด้านฮวงจุ้ยยืนยันว่า กองสิ่งของสัมภาระต่างๆที่วางรกเกะกะภายในที่อยู่อาศัยนั้น จะทำให้ผู้อยู่อาศัยในสถานที่นั้นๆ มีอาการอ่อนเพลียหมดแรงและ มีปัญหาสุขภาพ

วิธีแก้ไข ท่านไม่ต้องถึงกับเก็บกวาดทิ้งสิ่งของทุกอย่างในทันที อย่างน้อยจะต้องมีความตั้งใจที่จะเริ่มสะสางพื้นที่ใช้สอยในบริเวณบ้าน ทั้งหน้าบ้าน ข้างบ้าน และ ภายในตัวบ้าน อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ถ้าท่านต้องการความมีสุขภาพที่ดี



15.ร่างกายมีปัญหาทุกคนควรสังเกตตัวเองว่า ร่างกายมีปัญหาอะไรหรือไม่ แม้ว่าการเจ็บหน้าอก คือ สัญญาณหลักๆบอกถึงอาการโรคหัวใจก็ตาม แต่สำหรับเพศหญิงสัญญาณนั้นอาจเป็นเรื่องความอ่อนเพลีย ซึ่งมีมากถึง 70%ที่อ่อนเพลียภายในเดือนนั้นๆก่อนมีอาการหัวใจกำเริบ สัญญาณอื่นๆอาจรวมถึงการนอนไม่หลับ การหายใจขาดห้วง การหายใจไม่สุด การหายใจติดขัด อาหารไม่ย่อย และ ความเครียด 43%ของผู้หญิงที่เป็นโรคหัวใจ ไม่มีอาการเจ็บหน้าอกเลย แม้โรคหัวใจจะกำเริบมากแล้วก็ตามดังนั้น ถ้าท่านรู้สึกร่างกายมีสิ่งผิดปกติอย่างอื่น แม้ไม่ได้เจ็ยที่หัวใจก็ตาม อย่าปล่อนปละละเลย

วิธีแก้ไข ควรทำการตรวจร่างกาย โดยเฉพาะถ้าคุณมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น ความดันเลือดสูง คลอเรสเตอรอลสูง เป็นเบาหวาน หรือ คนในครอบครัวเคยเป็นโรคหัวใจมาก่อน เป็นต้น



16.การกลั้นหาวการหาวของคนเรานั้น เป็นวิธีทางธรรมชาติที่ร่างกายของเรากระตุ้นให้เราตื่น นักจิตวิทยาบอกว่า การเคลื่อนไหวของกรามจะบีบหลอดเลือดบนใบหน้า ซึ่งส่งเลือดไปยังสมองของคน การกลั้นหาวจึงเป็นการยับยั้งกระบวนการนี้ และ จะทำให้คุณยิ่งอ่อนเพลียหมดแรง และง่วงนอนมากขึ้น

วิธีแก้ไข เมื่อรู้สึกอยากหาว ก็ให้หาวออกมา แต่ควรปิดปาก และ หันหน้าไปทางที่ไม่มีคนอยู่ จะได้ดูไม่น่ารังเกียจ



17.ความเครียดความเครียดทุกกรณี เป็นตัวทำให้อ่อนเพลียหมดแรง แม้ความเครียดในการใช้ชีวิตตามตารางเวลา หรือ ตามตารางกิจกรรมที่เตือนคุณทุกอย่างว่าจะต้องทำอะไรบ้างก่อนหลัง ในเวลาเท่าไร คือตัวดูดพลัง ที่ทำให้เกิดความเครียด และ เป็นตัวทำให้อ่อนเพลียหมดแรงได้



18.หมอนหนุนรองศีรษะเก่าเกินไปในกรณีถ้าหมอนหนุนนอนของท่านยวบยาบมากจนเกินไป จนทำให้ลำคอของท่านไม่ได้ระนาบเดียวกับลำตัว หรือ รู้สึกนอนไม่สบาย ซึ่งไม่เพียงทำให้กล้ามเนื้อตึงตัว ซึ่งจะทำให้ท่านนอนไม่ค่อยจะหลับสนิทแล้ว ยังไปกีดขวางระบบการหายใจ ในเวลาที่ท่านหลับด้วย ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้วันรุ่งขึ้นนั้น ท่านจะมีอาการอ่อนเพลียหมดแรงได้ ท่านไม่ควรใช้หมอนใบนั้นหนุนนอนต่อไป

วิธีแก้ไข ท่านต้องรีบหาผ้ามาเสริมหนุนนอนเป็นการชั่วคราว เพื่อให้ท่านเองรู้สึกนอนได้สบายกับสรีระร่างกายของท่าน จากนั้นก็ควรรีบหาซื้อหมอนใบใหม่มาหนุนแทนใบเก่าได้

ไม่มีความคิดเห็น: