เวลา.. ทุกคนมีเท่าๆ กัน แต่.. คุณค่า ของเวลาในแต่ละคน กลับไม่เท่ากัน..

31 มีนาคม 2552

ฝึกสมอง ให้เป็น คนเก่ง

อย่าทำงานซ้ำซ้อนในเวลาเดียวกันเพราะอาจเกิดการผิดพลาดได้ง่าย นอกจากนี้ การแข่งขันยังช่วยกระตุ้นสมองให้โลดแล่นอีกด้วย“การฝึกฝนทำให้คุณเป็นคนเก่ง” นี่คือคำกล่าวของนักประสาทวิทยาชาวสวีเดน โทร์เคล คลิงเบิร์ก ว่าคนเราควรทำอย่างไรให้ได้ข้อมูลและมีความเข้าใจมากที่สุดโดย ที่เราไม่ต้องใช้สมองจนเกินกำลังหรือไม่ทำให้รู้สึกเบื่อหน่าย เนื่องจากสมองทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดในระยะเวลาที่จำกัด แต่เราก็มีวิธีที่จะใช้ศูนย์ความคิดของเรา ให้มีประโยชน์มากที่สุดเช่นกัน
* Multitasking คุณ กำลังเดินทางไปพบปะพูดคุยธุรกิจ และระหว่างทางครุ่นคิดวิธีการเจรจาตกลงต่างๆ คุยโทรศัพท์หรือเขียนจดหมาย แต่การทำงานหลายๆอย่างในคราวเดียวกัน มีความเสี่ยงกับความผิดพลาดในการส่งอี เมลล์ผิดให้กับคู่เจรจา ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำให้ทำงานหรือธุระใดๆก็ตามให้เป็นไปตามลำดับ อย่าทำงานหลายอย่างในคราวเดียวกันเพื่อป้องกันการผิดพลาด
* สัญชาตญณบอกคุณได้ดีกว่าสมอง ในแต่ละวันเรามีเรื่องต้องตัดสินใจประมาณ 20,000 เรื่อง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องในชั่วพริบตา และคนเป็นจำนวนมากที่ตัดสินใจโดยไม่รู้ตัว เช่น การทักทายและออกความ เห็นในที่ประชุม โดยเฉพาะคนที่ทำงานในออฟฟิต ที่มีเงื่อนไขของเวลาเป็นเรงกดดันในการตัดสินใจ นักจิตวิทยาจึงแนะนำให้ฟังเสียงความรู้สึกของตัวเอง หรือสัญชาตญาณที่เรานำไป ใช้โดยไม่รู้ตัว ซึ่งก็ทำให้มีทางเลือกที่เร็วกว่าในการตัดสินใจแบบสายฟ้าแลบ เนื่องจากการตัดสินใจแบบในชั่วพริบตาจำเป็นต้องอาศัยประสบการณ์ แต่ในกรณีที่คุณต้องตัดสินใจเรื่องที่ไม่เชี่ยวชาญ ก็ควรปรึกษาและขอความเห็น จากผู้ใหญ่ที่มีความรู้และประสบการณ์จะดีกว่า
* กลิ่นกาแฟช่วยกระตุ้นเซลล์สมอง หาก จำเป็นต้องตื่นแต่เช้าเพราะมีงานด่วน ยังรู้สึกงัวเงีย สมองยังไม่แล่นเพราะนาฬิกาชีวิตยังปรับไม่ทันความจำเป็นของคุณ สิ่งที่จะช่วยได้ก็คือกาแฟสักหนึ่งถ้วยลำพังกลิ่นกาแฟในตอนเช้าก็มีผล กระตุ้นสมองให้ตื่นตัว นี่คือผลการศึกษาจากนักวิจัยชาวญี่ปุ่น เพื่อนร่วมงานของคุณก็คงจะยินดีที่จะได้กาแฟสักหนึ่งถ้วยจากคุณ และคุณก็ยังได้สูดกลิ่นกาแฟไปด้วยการแข่งขันกระตุ้นสมอง ถ้าเรารู้ว่าเราต้องแข่งขันกับใครสักคน มันจะกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนไปทั่วบริเวณสมองหรือที่เรียกกันว่า “ศูนย์รับรางวัล” เพราะจากการศึกษาของมหาวิทยาลัยบอลล์ในประเทศเยอรมนี โดยการให้อาสาสมัครแข่งขันกัน หากใครตอบถูกจะได้รางวัล 120 ยูโร และมีการแสดงให้เห็นถึงปฏิกิริยาของสมองจากภาพสแกน ผลก็คือ มีเลือดไหลเวียนสูงสุดที่ศูนย์รับรางวัลของ ผู้เข้าแข่งขันระหว่างตอบคำถาม
* สมาธิเพิ่มเมื่อมีงาน เสียง โทรศัพท์ ผู้ร่วมงานหัวเราะ มีอีเมล์ที่ต้องตอบ งานหลายๆอย่างประเดประดังเข้ามา ใช้เวลาเกือบชั่วโมงกว่าคุณจะตั้งสมาธิได้ ทั้งนี้ นักจิตวิทยาชาวอังกฤษพบว่า การมีสมาธิขึ้นอยู่กับงานยากหรือง่าย หากเป็นงานยาก สมองก็จะมีสมาธิกับงานอย่างอัตโนมัติ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณมีอารมณ์เศร้า ก็อย่าจมปลักกับงานที่ทำเป็นประจำเพราะ มันอันตรายกับสมองในการใช้งานเกิน กำลัง คุณควรเรียนรู้สิ่งใหม่ๆบ้าง เพราะมีการพิสูจน์มาแล้วว่า โครงสร้างสมองของผู้ใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงเมื่อ ได้เรียนสิ่งใหม่ๆและกระบวนการเรียนรู้ทุกอย่างจะเชื่อมต่อระหว่างเซลล์สมอง ทำให้แข็งแรงขึ้น และยังก่อให้เกิดเซลล์ใหม่ๆด้วยซึ่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุ
* สมองทำงานเหมือน Google จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียได้ตั้งข้อสันนิษฐานว่า เมื่อคนคิดถึงคำ ศูนย์ความคิดของคนเราจะทำหน้าที่คล้ายๆกับ Google คือคิดตามลำดับ เช่น 1 2 3
* สมองต้องออกกำลัง แม้เราจะไม่ค่อยได้บริหารสมองด้วยการคำนวณหรือทายปริศนาอักษรไขว้ เราก็สามารถช่วยให้สมองฟิตได้ เพราะจากการศึกษาของมหาวิทยาลัยมิชิแกนได้ชี้ให้เห็นว่า การมีสังคมกับผู้คนสามารถช่วยให้สมองตื่นตัวได้เหมือนการบริหารสมอง

24 มีนาคม 2552

การทำงานแบบคนไทยในมุมมองต่างชาติ

นี่คือความคิดเห็นที่มาจากมุมมองของผู้บริหารชาวต่างชาติ เกี่ยวกับการทำงานของคนไทย ซึ่งผมว่ามันเป็นความจริงทั้งนั้น ขนาดผมยังไม่ได้ทำงานยังเคยเจอแบบนี้เลยครับ












บางคนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่านิสัยเหล่านี้ ทำให้เกิดปัญหาในการทำงาน หรือ ทำให้ผลงานออกมาไม่เป็นที่น่าพอใจ ซึ่งผมว่าถึงยังไงลูกจ้างหรือพนักงานทั่วไป เขาก็ไม่ได้สนใจผลประกอบการอยู่แล้วเพราะมักจะทำงานแบบเช้าชามเย็นชาม นั่นก็ทำให้ผู้บริหารชาวต่างชาติมักจะหัวเสียอยู่ไม่น้อย จริงๆ จะเป็นผู้บริหารประเทศไหนแม้แต่ผู้บริหารคนไทยก็หัวเสียอยู่เเล้วครับ ถ้าเจอนิสัยเเบบนี้ เพราะมันจะทำให้องค์กรประสบปัญหาต่างๆมากมาย เพราะปัญหาส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นก็มักจะมาจาก คน ทั้งนั้น
แต่ผมก็มองเห็นข้อดีซ่อนอยู่เหมือนกันครับ เพราะเราเป็นแบบนี้ ทำให้เราไม่ประสบปัญหาโรคเครียด
และมีอาการป่วยทางจิต เหมือนในต่างประเทศที่เขามีค่านิยมในการทำงานแบบหามรุ่งหามค่ำ และมี
การแข่งขันกันอย่างรุนแรง อย่างประเทศญี่ปุ่น หรือเยอรมัน
แต่สุดท้ายนี้ ถ้าเราสามารถแก้ตรงจุดด้อยของเราให้มีน้อยที่สุด พร้อมทั้งปรับปรุงจุดเด่นและมุมมองในการทำงานให้ดีกว่าเดิม ผมว่าคนไทยเราก็เก่งและมีฝีมือไม่แพ้ชาติใดอยู่เเล้วครับ